ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปรียบเทียบระหว่าง iCloud และ Google Drive

 เปรียบเทียบระหว่าง iCloud และ Google Drive

บทความนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว จากที่ใช้งาน Google drive และ iCloud มาได้สักพักนึง ก็เลยอยากมาเขียนให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณากัน บทความนี้จะกล่าวถึงเพียง Google drive และ iCloud เท่านั้น และอาจจะไม่ถูกต้องแท้ 100% ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเลือกใช้ครับ

เริ่มจาก Google drive หรือ Google One เป็นบริการของ Google ที่ให้บริการของ Google 

หากใช้ Google One จะใช้ได้หลายผลิตภัณฑ์ของ Google โดยหลักๆเช่น Gmail, Google Photos และ Google drive ซึ่งบริการของ Google นี้จะให้ใช้เริ่มแรกเมื่อสมัคร Gmail โดยให้พื้นที่ 15 GB ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกเจ้า แต่หลายท่านอาจจะเพียงพอ และหากผู้ที่ใช้งานเน้นการถ่ายภาพและส่งงานเป็นหลัก พื้นที่ 15GB ไม่เพียงพอแน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจ่ายเงินให้ Google One เพื่อเพิ่มพื้นที่นั่นเอง โดยค่าบริการเช่า Google One ในปี 2566 จะอยู่ที่ภาพด้านล่างครับ
จากประสบการณ์ใช้งาน Google ที่ผ่านมา พบข้อดีคือ
  • การใช้งาน App Google Photos ตั้งค่า App Google Photosให้ซิงค์กับบัญชีให้สำรองข้อมูลอัตโนมัติ เมื่อเราทำการถ่ายภาพในมือถือแล้ว หากมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต App Google Photos จะทำการสำรองภาพถ่ายไปไว้ที่ Google Photos โดยที่เราไม่ต้องมาดาวน์โหลดข้อมูลออกเอง และสามารถใช้งาน Google Photos บน PC ได้เลย โดยที่ไม่ต้องมาเสียบโทรศัพท์มือถือเข้ากับคอมพิวเตอร์ และ Google Photo จะสามารถเพิ่มพื้นที่ในโทรศัพท์ได้ โดยที่เรากดสั่งเพิ่มพื้นที่ Google Photos จะทำการลบรูปภาพที่ได้สำรองไว้แล้วในโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่ลบภาพใน Google photos ดังนั้น รูปภาพที่ถ่ายไว้ไม่หายแน่นอนครับ 
  • App Google Photos มีฟังก์ชันแต่งภาพอัตโนมัติ และโหมดสร้างความทรงจำเตือนเสมอ ทำให้เราได้ทราบเรื่องราวที่ผ่านมา
  • App Google Drive ที่เป็นมิตร ใช้งานได้ทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น Windows , Mac , iPhone , Android และหากใช้เวอร์ชัน PC หรือ Macbook สามารถดาวน์โหลด Google File Stream มาติดตั้งในเครื่อง เราก็จะได้ไดร์ฟจำลองขึ้นมาเปรียบเสมือนไดร์ฟในเครื่องเรา เช่น C,D ประมาณนี้ เวลาใช้งานผ่าน Google drive ก็ใช้ใน Google File Steam ได้เลย เมื่อมีการแก้ไขไฟล์ ระบบจะทำการ Upload และ Download อัตโนมัติ ไม่ต้องใช้งานผ่าน Web Browser
  • ผลิตภัณฑ์ของ Google ครอบคลุมแทบทุกที่ ใช้งานได้ทุกอุปกรณ์ การที่เรามี Gmail นั้นสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น PC, Mac, iPad, iPhone, Android (แน่นอนว่าหากเราไปใช้เครื่องสาธารณะก็มีความเสี่ยง เมื่อ sign in google ดังนั้นหากไปใช้งานเครื่องสาธารณะ ควร sign out ทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน)

มาฝั่ง iCloud กันบ้าง ตอนนี้ผมใช้ AIS มีบริการให้ใช้ iCoud ฟรี 3 เดือน Apple ID ชื่อเดียว สามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Apple ได้ทุกอุปกรณ์ (ที่ซื้อมา หรือส่วนตัว ไม่แนะนำให้ไปใช้อุปกรณ์มั่วซั่วครับ) ความอินดี้มันอยู่ตรงนี้แหล่ะ ปลอดภัยสุดๆ ประสบการณ์ในการใช้ iCloud เป็นอย่างไร จึงได้ทดลองใช้ 
  • App Photos ของ Apple สำรองข้อมูลให้อัตโนมัติ โดย App Photos ในเครื่อง iPhone หรือ iPad ที่มี หากถ่ายภาพแล้วจะทำการสำรองข้อมูลความละเอียดสูงขึ้นไปเก็บใน iCloud โดยสมมุติ หากเรามี iPhone 64GB เมื่อทำการตั้งค่ากล้องและวีดีโอเป็นความละเอียดสูง แล้วถ่ายภาพ ภาพหรือวีดีโอที่ได้ก็จะมีความละเอียดสูง และไฟล์ใหญ่กินพื้นที่ของ iPhone ไปมาก 

    จากรูป หากเราเลือกปรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPhone ภาพถ่ายในเครื่อง iPhone จะอัพโหลดภาพความละเอียดสูงขึ้นไปเก็บไว้บน iCloud และจะทำการสำรองข้อมูลภาพที่มีขนาดเหมาะสมไว้ภายในเครื่อง ทำให้เราไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บรูปภาพในเครื่อง (แต่ไปเปลืองใน iCloud แทน) หากเราเลือก ดาวน์โหลดและเก็บต้นฉบับไว้ ภาพถ่ายใน iPhone จะไม่ถูกบีบขนาด ถ่ายเท่าไหร่เก็บเท่านั้น

  • iCloud Drive สามารถใช้งานได้ทุกอุปกรณ์ของ Apple (ที่ซื้อมา) คุณสมบัติเช่นเดียวกับ Google drive แต่เราไม่จำเป็นต้องติดตั้ง File Stream ในเครื่อง แต่จะมีไดร์ฟมาให้เลย สามารถใช้งานผ่านไดร์ฟนั้นได้

  • ราคารายเดือนพอๆกับ Google drive
เอาล่ะ ไม่เกริ่นมากใน iCloud มาดู ข้อเปรียบเทียบระหว่าง iCloud กับ Google Drive กัน

จากประสบการณ์ที่ใช้ Google One มานาน และลองใช้ iCloud 3 เดือนคือ
  1. Google Photos เก็บรักษาภาพถ่ายของเราไว้หมด หากเราเพิ่มพื้นที่ให้อุปกรณ์ จะลบแต่รูปในเครื่อง ไม่ลบใน Google Photos แต่ Apple Photos จะทำการตามคำสั่งของเรา เช่น หากลบภาพใน iCloud ภาพในอุปกรณ์อื่นก็จะถูกลบไปด้วย : Google
  2. Apple Photos เก็บภาพและวีดีโอความละเอียดสูง เข้ารหัสของตัวเอง หากเรานำไปใช้ตัดต่อวีดีโอใน Mac มันเป็นอะไรที่ดีมาก ซึ่งต่างจาก Google Photos จะบีบหรือแปลงไฟล์ให้เหมาะสมกับตัวเอง แล้วอัพโหลดไปเก็บไว้ หากนำมาใช้งานก็จะได้ขนาดที่ต่างกัน : iCloud
  3. การใช้งาน iCloud ในอุปกรณ์อื่นค่อนข้างยุ่งยาก ต้องเป็น Web Browser แล้วเข้าไปในเว็บ iCloud จึงจะเข้าใช้งานได้ แต่ Google ใช้งานได้เลย : Google
  4. การใช้งาน iCloud หาก คิดเยอะ จะใช้งานยาก จากภาพด้านบนคือ Photos ไม่รู้มันซิงค์อะไรไปไว้ใน iCloud บ้าง ทั้งที่รูปภาพและวีดีโอเต็มเครื่อง กลับไม่ส่งไฟล์ไป iCloud
  5. เริ่มต้นเลย Google ให้มา 15GB แต่ iCloud ให้มาเพียง 5GB ราคาเครื่องกับพื้นที่ออนไลน์ให้มาน้อยเกิน : Google
  6. iCloud สำรองข้อมูลทุกอย่าง แน่นอนว่าความปลอดภัยของข้อมูลมากกว่า ไม่มีคำว่าหาย แต่ก็กินพื้นที่โหด ถ้าเปรียบเสมือน iCloud ก็เหมือน Time Machine ของ Mac เก็บทุกอย่างรวมทุกแอฟ ไม่ถามราคารายเดือนเลย ต่างจาก Google เก็บเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น: Google
โดยรวมคือ Google ใช้งานได้ดีกว่า แต่ถ้างานตัดต่อวีดีโอหรือภาพถ่ายบนเครื่อง MAC ของ iCloud จะทำได้ดีกว่า
แต่หากต้องตัดต่อวีดีโอผมใช้วิธีการแชร์ไฟล์วีดีโอและภาพถ่ายไปไว้ใน Google drive (ไม่ใช่ Google Photos) แล้วใช้งานผ่าน File stream ครับ
ส่วนตัวมองว่า Google drive คุ้มกว่า เพราะใช้งานได้หลายอุปกรณ์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ส่วนประกอบของเมนบอร์ด คอมพิวเตอร์ PC

ส่วนประกอบของเมนบอร์ด คอมพิวเตอร์ PC เมนบอร์ดเป็นแผงวงจรหลักที่สำคัญที่สุดของคอมพิวเตอร์ ดังนั้น จึงควรรู้จักตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างบนเมนบอร์ดเสียก่อน จึงจะสามารถประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ อุปกรณ์หลักที่สำคัญก็มีช็อกเกตสำหรับติดตั้งซีพียู, ช็อกเกตแรม และซิปเซตที่ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด หัวต่อและสล็อตสำหรับติดตั้งอุปกรณ์และการ์ดต่างๆ รวมไปถึงหัวต่อกับอุปกรณ์ภายนอกที่ต่อออกทางด้านหลังเครื่อง อุปกรณ์ที่ติดตั้งบนเมนบอร์ดได้แก่  1. ช็อกเกตซีพียู (CPU Socket) ช็อกเกตซีพียู เป็นตำแหน่งติดตั้งซีพียู โดยรูปแบบของช็อกเกตจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อและรุ่นของซีพียู การซื้อเมนบอร์ดจะต้องตรวจสอบว่าต้องการใช้กับซีพียูยี่ห้อใดและรุ่นไหน หากซื้อซีพียูที่มีช็อกเกตไม่ตรงกับเมนบอร์ดจะไม่สามารถใช้งานได้ ปัจจุบันจะมีช็อกเกตที่ใช้งานบนเมนบอร์ดคือ Intel LGA 775,  Intel LGA 1150, Intel LGA 1151, Intel LGA1155 และ Intel LGA 2066 ใช้สำหรับซีพียู Intel ทั้งหมด แต่ต้องดูด้วยว่า ซีพียู อินเทลใดใช้ช็อกเกตเท่าไหร่ ส่วน AMD AM4, AMD sTRX4 และ AMD TR4 จะใช้สำหรับ CPU AMD เท่านั้นซึ่งก็เหมือนกับ...

รวม Code Debug Card Mainboard

รวม Code Debug Card Mainboard สำหรับช่างซ่อมคอมมือใหม่ที่มีเครื่องมือ Debug Card เป็นตัวช่วยแล้ว บางครั้งอาจจะไม่รู้ว่าค่า Error Code นั้นคืออะไร ผมได้สืบหาข้อมูลและเขียนเพื่อเตือนความจำของตนเองไว้ เพราะไม่ค่อยได้ใช้ตัว Debug Card นี้เช่นกัน นานๆครั้งมาใช้นั้น ค่อนข้างที่จะค้นหาข้อมูลอย่างลำบากเช่นกัน ผมจึงได้รวบรวมข้อมูลมาจากเว็บที่หาข้อมูลได้ ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลด้วยครับ CODE : ความหมาย 00 : ไม่มีสัญญาณให้เช็ค CPU หรือลองหา CPU ตัวใหม่มาเปลี่ยนดูครับ 01 : CPU TEST รอบที่ 1 02 : CPU TEST รอบที่ 2 04 : TEST Memory รีเฟรช ของอุปกรณ์ ต่าง ๆ  05 : Key board controller อาจมีปัญหา 07 : BIOS battery อาจจะหมด 0B : TEST cmos checksum 0D : เช็ค VGA CARD Interface C0 : ทดสอบหน่วยความจำและ slot(ลองฉีด สเปรย์สารพัดพิษดูครับ) 0E : เช็คหน่วยความจำ VGA(ลองหาตัวใหม่มาเปลี่ยนดูครับ)  11 :อาจมีปัญหาที่ DMA controller 41 : ให้ตรวจสอบ FLOPPY Drive 42 : .ให้ตรวจสอบ HARD DISK 43 : ค้นหาและตรวจสอบ serial และ parallel port 45 : ให้เช็ค Mainboard ว่าเข้า...

พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆบนเมนบอร์ด

พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆบนเมนบอร์ด พอร์ตเชื่อมต่อแบบต่างๆ คือ หัวต่อที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ และเครื่องพิมพ์ สายแลน เป็นต้น ลักษณะของหัวต่อแต่ละแบบจะมีมาตรฐานและแตกต่างกันออกไปอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเสียบผิดรูปแบบ เพราะแต่ละหัวต่อจะมีรูปแบบไม่เหมือนกัน พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆบนเมนบอร์ด มีดังนี้ 1. หัวต่อคีย์บอร์ดหรือเมาส์แบบ PS2 จะใช้คีย์บอร์ดก็ได้ หรือเมาส์ก็ได้ ปัจจุบันหัวต่อ PS2 ได้เลิกใช้งานไปแล้ว 2. หัวต่อ USB 2.0 ใช้สำหรับเชื่อมต่อ อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้สาย USB ต่าง ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล USB 2.0 นี้มีมากถึง 480 Mbps  3. หัวต่อจอภาพ แบบ Display port ใช้สำหรับเชื่อมต่อจอภาพที่เป็นประเภท Display port ส่งข้อมูลภาพได้สูง เหมาะสำหรับทำ Multi Display หรือการเชื่อมต่อหลายๆจอภาพ 4. หัวต่อจอภาพแบบ HDMI ปัจจุบัน (ปี 2020) เริ่มมีการใช้มากขึ้น เนื่องจากส่งข้อมูลความละเอียดภาพได้มากถึง 4K และอนาคตจะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีก 5. หัวต่อจอภาพแบบ DVI เป็นการพัฒนาการส่งออกจอภาพต่อจาก VGA เป็นช่วงเวลานึง ปัจจุบันจะไม่ค่อยมีใช้แล้ว 6. หัวต่อจอภาพแบบ VG...